หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] SO SEOUL - ลุยเดี่ยวเที่ยวเกาหลี
กระทู้รีวิว
ภาพถ่าย
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
โซล
ประเทศเกาหลีใต้
“เขาบอกว่าคนเราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยเพราะการเดินทาง และบางทีเราอาจจะค้นพบเป้าหมายของชีวิตในระหว่างการเดินทางนั้นก็ได้” จำไมได้เหมือนกันว่าอ่านประโยคนี้จากหนังสือเล่มไหน จำได้แค่ว่าเห็นปุ๊ปก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะจองตั๋วออกเดินทางเดี๋ยวนั้นให้ได้
จุดหมายปลายทางของผมในวันนี้ไม่ใช่ที่ไหนไกล นั้นคือเกาหลี ประเทศที่รีวิวบนกระทู้ท่องเที่ยวมีมากกว่าเงินในกระเป๋าของผม (และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ลังเลอยู่นานว่าควรจะเขียนกระทู้นี่ดีหรือเปล่า) คือทุกครั้งถ้าผมไปเที่ยวแล้วบอกสถานที่ปลายทางกับคนใกล้ตัว ทุกคนก็จะแสดงอาการไปในทิศทางเดียวกัน คือ “อ่อ เออ เฮ้ยดี” แต่พอบอกว่าจะไปเกาหลี(คนเดียว) แทบทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ห๊ะ เนี่ยนะไปเกาหลี” “เออ ทำไมหน้าอย่างกูเนี้ยไปเกาหลีไม่ได้ไง ” ยังไม่พอ ประโยคส่งท้ายที่ว่า “ถ้าจะไปตัดเสริมเติมแต่งอะไรก็เลือกคลีนิคดีๆละกัน” ถือว่าเป็นประโยคย้อนฮิตไปแล้ว เอาเข้าไป ไปกันใหญ่แล้ว!
กำหนดการออกเดินทางจากสุวรรณภูมิบนตั๋วกระดาษแข็งบอกเวลาชัดเจนที่ตี1ครึ่ง แต่กว่าจะออกจากไทยจริงๆก็ปาเข้าไปตี3ครึ่ง แผนที่วางไว้ตั้งแต่แรกพังครืน และจากกำหนดการที่คาดว่าจะถึงเกาหลีประมาณ9โมงเช้า กลับกลายเป็นว่าผมมาถึงเกาหลีตอนเที่ยงตรง และกว่าจะทำความรู้จักกับสนามบินเพื่อที่จะพาตัวเองหลุดออกมาได้ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ผมคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นหลังแล้วไปเช็คอินที่เกสต์เฮาส์ที่จองล่วงหน้าไว้ให้เร็วที่สุด เมื่อการเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ต่อไปคือวางแผนการเที่ยว(ใหม่) จากคำแนะนำจากเจ้าของเกสต์เฮาส์ และไกด์บุ๊คฉบับฟรีก็พอจะทำให้ได้ไอเดียมาบ้าง ที่เหลือก็ไปตายเอาดาบหน้าละกัน
*ไม่แน่ใจว่าจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองสามารถใช้บริการรถอะไรได้บ้าง แต่ที่แน่นนอนคือแท๊กซี่ (ซึ่งไม่อยู่ในลิสต์การเดินทางของผม) รถเมล์ บ.KAL Limousine service : Airport Shuttle Bus Service (อันนี้ผมใช้บริการตอนขากลับ ซึ่งพบว่ามันดีมาก แต่ไม่รู้ว่ากี่วอน เพราะเพื่อนจ่ายให้ 555) และรถไฟฟ้า เวลาโดยรวมพอประมาณก็ 30-50 นาทีเห็นจะได้
ที่แรกที่พอจะไปได้คือย่าน Myeong-Dong สิ่งที่ผมสนใจกลับไม่ใช่ย่านการค้าแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว แต่มันคือโบสถ์ Myeong-Dong Cathedral พอหลุดจากความวุ่นวายจากสถานีรถไฟและฝูงชนเต็มสองข้างทาง เราก็จะเห็นโบสถ์ตั้งตระหง่าสู้แสงอาทิตย์ตามรูป ว่ากันตามข้อมูล โบสถ์หลังนี้ตกแต่งด้วย Pure Gothic Style ทั้งหลัง และสร้างเสร็จเมื่อปี 1898 ถือว่าเป็นโบสถ์คาทอลิคแห่งแรกๆ และเก่าแก่มากที่สุดของเกาหลี ผมมีโอกาสได้เข้าไปข้าง มีผู้คนบางตานั่งอยู่ตามมุมเก้าอี้ บ้างอ่านพระคัมภีร์ บ้างสงบนิ่งอธิฐาน บรรยากาศเงียบมาก มากจนไม่กล้ากดถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์คงดังกว่าเสียงลมหายใจ ผมค่อยๆ เดินออกมาเงียบๆ หันหลงกลับไปบอกตัวเองว่าวันหนึ่งคำอธิฐานของผมมคงเป็นจริงกับเขาบ้าง
*การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วลงสถานี Euljiro 1(il)-ga ทางออก 6-5 หรือสายสีฟ้า Myeong-dong Station ทาง 5-6-7-8
ที่ต่อไป คือ Ewha Womens University จากโบสถ์จำไม่ได้จริงๆว่าเดินต่อทางไหน(ซึ่งก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมไม่นั่งรถไฟ) เปิดแผนที่วนไปวนมาประมาณสิบรอบ หลงแล้วหลงอีกกว่าจะมาถึงก็เกือบเย็น แสงใกล้จะหมดเต็มที ผมรีบคว้ากล้องแล้วกดชัตเตอร์แบบไม่เกรงใจกล้อง ถ้ามันมีชีวิต ผมคงโดนเจ้ากล้องตัวเก่งด่าไปละ “ใจเย็นเฮ้ย กูจับภาพไม่ทัน” บรรยากาศยามเย็นกับตึกสมัยใหม่แบบนี้ก็เข้ากันดีเหมือนกันนะ …อ่า หายเหนื่อย
ตกเย็น ผมเลือกไปเดินแถวย่าน Hongdae ครับ เป็นย่านมหาวิทยาลัยและนักศึกษา ซึ่งเพื่อนโฆษณาไว้ว่าอาหารอร่อยและของถูก เดินไปเดินมาสะดุดตาเข้ากับร้าน Osulloc กินชาเขียนร้อนๆ(จากเกาะเจจู)ซักแก้วสู้กับอากาศ 9 องศาหน่อยละกัน
ก่อนกลับเข้าGuest house บอกเพื่อนเกาหลีว่าอยากไป Seoul Tower เพราะอยากเห็นวิวเกาหลีตอนกลางคืน เพื่อนก็ใจดีจัดการพาขึ้นแท๊กซี่ ลุงแท๊กซี่พามาส่งตรงที่ที่เขาบอกว่าเดินขึ้นตรงนี้จะเหนื่อยน้อยที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าโดนหลอกหรือผมกันแน่ที่อ่อนแอ เพราะกว่าจะถึงยอดเขาก็เล่นเอาหอบไปเหมือนกัน
เช้าวันที่2ผมปลุกนาฬิกา7โมงเช้า (เช้ากว่าไปทำงาน เช้ากว่าตื่นในวันหยุด)หวังใจว่าจะต้องเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่แรกที่มาถึงถือ Gyeongbokgung Palance โชคเหมือนเข้าข้างในวันที่สอง เพราะพบว่าวันนี้เข้าฟรี เย้! ตามไกด์บุ๊คเขาบอกไว้ว่า พระราชหวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1395* สมัยของกษัตริย์แทจง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน และยังถือว่าเป็น 1ใน5พระราชวังขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงบัจจุปัน ทุกๆวันช่วงเลา 10โมงและบ่ายสอง จะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามให้ได้ชมกัน (Samunjang changing of the guard ceremony) ตอนนี้เพิ่งเก้าโมง ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการเก็บภาพรวมๆของพระราชวัง
* บางไกด์บุ๊คบอกว่าถูกสร้างเมื่อปี 1394
ถัดจากพระราชวัง จะเห็น National Palace Museum of Korea ซึ่งพบว่าเข้าฟรีอีกเหมือนกัน ด้านในก็จะประกอบไปด้วยความเป็นมาของพระราชวังแบบลงลึก และข้าวของเครื่องใช้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ต้องขออภัยในส่วนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาจริงๆครับ
* การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีส้ม(Subway line 3) ลงสถานนี Gyeongbokgung (Government Complex-Seoul) ประตูทางออกหมายเลข 5
ที่ต่อมาคือ Bukchon Hanok Village ครับ ถ้าไม่ซีเรียส จากพระราชวังสามารถเดินไป Bukchon ได้โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที แน่นอนครับผมเลือกเดิน แต่ถ้าไม่ไหวสามารถขึ้น
รถไฟฟ้าสายสีส้ม (Subway Line 3) ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 2
เสน่ห์ของ Buckchon ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคารบ้านเรือนทรงเก่า แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันอยู่ที่การผสมผสานระหว่างคำว่าเก่าและใหม่เข้าด้วยกันมากกว่า
อีกที่หนึ่งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนก็คือ DDP ครับ (Dongdaemun Design Plaza – designed by Zaha Hadid) สถานที่ที่เอาไว้จัดนิรรศการต่างๆนาๆ ด้วยรูปทรงที่สะดุดตา ก็เลยถ่ายรูปเพลินจนมืดค่ำ
*การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีฟ้าหรือสีเขียว สถาณี Dongdaemun History & Culture Park ทางออกที่ 1 หรือ 2
วันที่สาม สถานที่ที่จะไปคือจุดพีคของทรีปนี้ นั้นคือ Haneul Park ครับ ใช้เวลาทั้งหมด 30-40 นาทีโดย
นั่งรถไฟฟ้าสาย 6 สีน้ำตาล ลงสถานี World Cup Stadium ทางออกหมายเลข 1
ทุกอย่างราบรื่นจนกระทั่ง ผมหาทางขึ้นไม่เจอ พยายามจนผอมก็ยังหาป้ายบอกทางไม่เจอ ลองนึกว่าข้างหน้าเราคือภูเขา มีทา
งให้เลือกซ้ายและขวา ผมเลือกเชื่อสัญชาตญานตัวเอง เดินตรงไปทางขวา ซึ่งแน่นอนครับ ผิด! เดินเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอทางขึ้น ผมเลยตัดสินใจถามอาจุมม่าที่กึ่งวิ่งกึ่งรำไทย ว่าHaneul Park ไปทางไหน อาจุ่มม่าชี้โบ้ชี้เบ้ใหญ่ สรุป(เอาเองว่า)ขึ้นได้ทั้งสองทาง แต่ทางที่ผมเดินมาแค่อ้อมเท่านั้นเอง หลังจากได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากอาจุมม่าท่านนั้นแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปยังมณฑลหูหนานต่อไป ผิดแล้วเฮ้ย!
ผมแอบหงุดหงิดตัวเองไม่น้อยที่ไม่ยอมดูข้อมูลเส้นทางให้ดีก่อน จนกระทั้งเจอวิวที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมหายเหนื่อยหยุดถ่ายรูปอยู่นานสองนาน ชื่นใจดีจริงๆ
บางทีการหลงทางก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้นะ
ขอบคุณบุคคลที่มีส่วนในการตัดสินใจมาเกาหลีครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัตร T-Money (ที่ไปยืมเขามา) ช่วยดูตั๋วเครื่องบิน บลาๆๆ สุดท้ายคือขอบคุณตัวเองที่ออกจากกล่องใบเดิมแล้วพบว่าอีกโลกหนึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน แล้วเจอกันใหม่ครับทุกคน
สามารถดูรูป(ที่ไม่ค่อยมีสาระ)อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ IG : aopom.t
ชื่อสินค้า:
Korea trip
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
Seoul :: SoCool 2
Hi-Light พระราชวังเคียงบกกุง ก็พากันไปซื้อตั๋วเข้าข้างในก่อนครับ ราคาปกติจะ 3,000 วอน / คน ขั้นตอนการเดินทาง รถไฟฟ้า Line 3 (สายสีส้ม) ลงสถานี Gyeongbokgung Palace ออก Exit 5 รถไฟฟ้า Line 5 (สายสีม่
thanpsu
สอบถาม Discover Seoul pass ค่ะ
บัตร discover Seoul pass จำเป็นมั้ยคะ ถ้าซื้อแบบ 48hr (ราคาประมาน 1300บาท) เดินทางด้วยรถไฟฟ้าและบัสฟรีแบบเหมาจ่ายหรือ ต้องเติมเงินเข้าไปอีกคะ (เราไม่เข้าใจ) แผนการเดินทางคร่าวๆของเรา 4 วัน ไปพร
สมาชิกหมายเลข 7278458
[Review Korea] First time in korea 29 Nov- 5 Dec 2014 [Day2]
http://pantip.com/topic/33556213 เริ่มต้นวันที่ 2 ด้วยฝนที่โปรยปรายมาตั้งแต่เช้า อากาศ เริ่มเย็นลงอีก วันนี้เรามีแผนกันตามนี้ครับ อาหารเช้า ย่าน เมียงดง - >พระราชวัง Gyeongbokgung -> อาหารเที่
สมาชิกหมายเลข 846346
รบกวนคนที่มีประสบการณ์เที่ยวเกาหลี จัดโปรแกรมเที่ยวให้หน่อยค่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
List รายชื่อที่ที่อยากไปไว้แล้วค่ะ เดินทาง 12-19 นี้ค่ะ ไปกับแฟน 2 คน พระราชวังเคียงบ๊ก (Gyeongbokgung Palace) พิธีเปลี่ยนเวรยามทหารหน้าประตูกวงฮวามุน พระราชวังชางด๊อกกุง (Changdeokgung Palace) สวนลับ
สมาชิกหมายเลข 1694650
เที่ยวเมือง Split, Croatia และ Blagaj, Mostar ประเทศ Bosnia and Herzegovina
แวะเที่ยวเมือง Split ที่พระราชวัง Diocletian พระราชวัง Diocletian เป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 ตั้งอยู่ที่เมือง Split ประเทศ Croatia แบบจำลองของพระราชวัง Diocletian ทางเข้าภายในพระราชวัง D
London-eye
1th รีวิว: สะพายกล้องเที่ยว Seoul เวอร์ชั่น hipster. (แบบที่ทัวร์ไม่พาไป ในหนังสือไม่มีบอก อิอิ)
ครั้งแรกของการรีวิวพันทิป และครั้งแรกของการไปเกาหลี หลังจากนั่งติ่งอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้เวลาเหมาะที่จะไปเกากะเค้าซะที โดยมีเป้าหมายคือ เราจะไปที่ที่เก๋ๆในเกา หรือแบบที่วัยรุ่นเกาเค้าไปก
สมาชิกหมายเลข 866707
เที่ยวเมือง Split, Croatia และ Blagaj, Mostar ประเทศ Bosnia and Herzegovina
แวะเที่ยวเมือง Split ที่พระราชวัง Diocletian พระราชวัง Diocletian เป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 ตั้งอยู่ที่เมือง Split ประเทศ Croatia แบบจำลองของพระราชวัง Diocletian ทางเข้าภายในพระราชวัง D
London-eye
รบกวนดู Plan SEOUL 1-7 MAY ด้วยครับ Concept ถ้าตื่นไหว...ก็ไปเที่ยว
รบกวนดู Plan SEOUL 1-7 MAY ด้วยครับ ทริบนี้จริงๆ อยากลองไป Club ทั้งย่านฮงแด กังนัม อิแทวอน ดังนั้น ช่วงที่เที่ยวตอนเช้าจึงวางไว้หลวมๆ ตามConcept ถ้าตื่นไหว...ก็ไปเที่ยว DAY 1 : 01 May FRI 01:55 : D
เพื่อนกันเฉพาะวันหยุด
เที่ยวเมือง Split, Croatia และ Blagaj, Mostar ประเทศ Bosnia and Herzegovina
แวะเที่ยวเมือง Split ที่พระราชวัง Diocletian พระราชวัง Diocletian เป็นสิ่งก่อสร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 4 ตั้งอยู่ที่เมือง Split ประเทศ Croatia แบบจำลองของพระราชวัง Diocletian ทางเข้าภายในพระราชวัง D
London-eye
Follow your "SEOUL" l Autumn2015 l ตอน 2 : GyeongbokGung & CheonggyeCheon
สวัสดีค่ะ วันนี้ได้ฤกษ์มาต่อตอนที่ 2 แล้ว ตอนที่ 1 Follow your "SEOUL" l Autumn2015 l BKK ICN Ewha & Hongdae ตอนที่ 3 Follow your "SEOUL" l Autumn2015 l ตอน 3 : ทริปนี้..ไม
blief0521
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพถ่าย
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
โซล
ประเทศเกาหลีใต้
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 26
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] SO SEOUL - ลุยเดี่ยวเที่ยวเกาหลี
“เขาบอกว่าคนเราจะรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยเพราะการเดินทาง และบางทีเราอาจจะค้นพบเป้าหมายของชีวิตในระหว่างการเดินทางนั้นก็ได้” จำไมได้เหมือนกันว่าอ่านประโยคนี้จากหนังสือเล่มไหน จำได้แค่ว่าเห็นปุ๊ปก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะจองตั๋วออกเดินทางเดี๋ยวนั้นให้ได้
จุดหมายปลายทางของผมในวันนี้ไม่ใช่ที่ไหนไกล นั้นคือเกาหลี ประเทศที่รีวิวบนกระทู้ท่องเที่ยวมีมากกว่าเงินในกระเป๋าของผม (และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ลังเลอยู่นานว่าควรจะเขียนกระทู้นี่ดีหรือเปล่า) คือทุกครั้งถ้าผมไปเที่ยวแล้วบอกสถานที่ปลายทางกับคนใกล้ตัว ทุกคนก็จะแสดงอาการไปในทิศทางเดียวกัน คือ “อ่อ เออ เฮ้ยดี” แต่พอบอกว่าจะไปเกาหลี(คนเดียว) แทบทุกคนล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ห๊ะ เนี่ยนะไปเกาหลี” “เออ ทำไมหน้าอย่างกูเนี้ยไปเกาหลีไม่ได้ไง ” ยังไม่พอ ประโยคส่งท้ายที่ว่า “ถ้าจะไปตัดเสริมเติมแต่งอะไรก็เลือกคลีนิคดีๆละกัน” ถือว่าเป็นประโยคย้อนฮิตไปแล้ว เอาเข้าไป ไปกันใหญ่แล้ว!
กำหนดการออกเดินทางจากสุวรรณภูมิบนตั๋วกระดาษแข็งบอกเวลาชัดเจนที่ตี1ครึ่ง แต่กว่าจะออกจากไทยจริงๆก็ปาเข้าไปตี3ครึ่ง แผนที่วางไว้ตั้งแต่แรกพังครืน และจากกำหนดการที่คาดว่าจะถึงเกาหลีประมาณ9โมงเช้า กลับกลายเป็นว่าผมมาถึงเกาหลีตอนเที่ยงตรง และกว่าจะทำความรู้จักกับสนามบินเพื่อที่จะพาตัวเองหลุดออกมาได้ ก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ผมคว้ากระเป๋าสะพายขึ้นหลังแล้วไปเช็คอินที่เกสต์เฮาส์ที่จองล่วงหน้าไว้ให้เร็วที่สุด เมื่อการเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ต่อไปคือวางแผนการเที่ยว(ใหม่) จากคำแนะนำจากเจ้าของเกสต์เฮาส์ และไกด์บุ๊คฉบับฟรีก็พอจะทำให้ได้ไอเดียมาบ้าง ที่เหลือก็ไปตายเอาดาบหน้าละกัน
*ไม่แน่ใจว่าจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองสามารถใช้บริการรถอะไรได้บ้าง แต่ที่แน่นนอนคือแท๊กซี่ (ซึ่งไม่อยู่ในลิสต์การเดินทางของผม) รถเมล์ บ.KAL Limousine service : Airport Shuttle Bus Service (อันนี้ผมใช้บริการตอนขากลับ ซึ่งพบว่ามันดีมาก แต่ไม่รู้ว่ากี่วอน เพราะเพื่อนจ่ายให้ 555) และรถไฟฟ้า เวลาโดยรวมพอประมาณก็ 30-50 นาทีเห็นจะได้
ที่แรกที่พอจะไปได้คือย่าน Myeong-Dong สิ่งที่ผมสนใจกลับไม่ใช่ย่านการค้าแหล่งช้อปปิ้งของเหล่าวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว แต่มันคือโบสถ์ Myeong-Dong Cathedral พอหลุดจากความวุ่นวายจากสถานีรถไฟและฝูงชนเต็มสองข้างทาง เราก็จะเห็นโบสถ์ตั้งตระหง่าสู้แสงอาทิตย์ตามรูป ว่ากันตามข้อมูล โบสถ์หลังนี้ตกแต่งด้วย Pure Gothic Style ทั้งหลัง และสร้างเสร็จเมื่อปี 1898 ถือว่าเป็นโบสถ์คาทอลิคแห่งแรกๆ และเก่าแก่มากที่สุดของเกาหลี ผมมีโอกาสได้เข้าไปข้าง มีผู้คนบางตานั่งอยู่ตามมุมเก้าอี้ บ้างอ่านพระคัมภีร์ บ้างสงบนิ่งอธิฐาน บรรยากาศเงียบมาก มากจนไม่กล้ากดถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์คงดังกว่าเสียงลมหายใจ ผมค่อยๆ เดินออกมาเงียบๆ หันหลงกลับไปบอกตัวเองว่าวันหนึ่งคำอธิฐานของผมมคงเป็นจริงกับเขาบ้าง
*การเดินทาง ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วลงสถานี Euljiro 1(il)-ga ทางออก 6-5 หรือสายสีฟ้า Myeong-dong Station ทาง 5-6-7-8
ที่ต่อไป คือ Ewha Womens University จากโบสถ์จำไม่ได้จริงๆว่าเดินต่อทางไหน(ซึ่งก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมไม่นั่งรถไฟ) เปิดแผนที่วนไปวนมาประมาณสิบรอบ หลงแล้วหลงอีกกว่าจะมาถึงก็เกือบเย็น แสงใกล้จะหมดเต็มที ผมรีบคว้ากล้องแล้วกดชัตเตอร์แบบไม่เกรงใจกล้อง ถ้ามันมีชีวิต ผมคงโดนเจ้ากล้องตัวเก่งด่าไปละ “ใจเย็นเฮ้ย กูจับภาพไม่ทัน” บรรยากาศยามเย็นกับตึกสมัยใหม่แบบนี้ก็เข้ากันดีเหมือนกันนะ …อ่า หายเหนื่อย
ตกเย็น ผมเลือกไปเดินแถวย่าน Hongdae ครับ เป็นย่านมหาวิทยาลัยและนักศึกษา ซึ่งเพื่อนโฆษณาไว้ว่าอาหารอร่อยและของถูก เดินไปเดินมาสะดุดตาเข้ากับร้าน Osulloc กินชาเขียนร้อนๆ(จากเกาะเจจู)ซักแก้วสู้กับอากาศ 9 องศาหน่อยละกัน
ก่อนกลับเข้าGuest house บอกเพื่อนเกาหลีว่าอยากไป Seoul Tower เพราะอยากเห็นวิวเกาหลีตอนกลางคืน เพื่อนก็ใจดีจัดการพาขึ้นแท๊กซี่ ลุงแท๊กซี่พามาส่งตรงที่ที่เขาบอกว่าเดินขึ้นตรงนี้จะเหนื่อยน้อยที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าโดนหลอกหรือผมกันแน่ที่อ่อนแอ เพราะกว่าจะถึงยอดเขาก็เล่นเอาหอบไปเหมือนกัน
เช้าวันที่2ผมปลุกนาฬิกา7โมงเช้า (เช้ากว่าไปทำงาน เช้ากว่าตื่นในวันหยุด)หวังใจว่าจะต้องเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่แรกที่มาถึงถือ Gyeongbokgung Palance โชคเหมือนเข้าข้างในวันที่สอง เพราะพบว่าวันนี้เข้าฟรี เย้! ตามไกด์บุ๊คเขาบอกไว้ว่า พระราชหวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1395* สมัยของกษัตริย์แทจง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน และยังถือว่าเป็น 1ใน5พระราชวังขนาดใหญ่ที่ยังหลงเหลืออยู่จนถึงบัจจุปัน ทุกๆวันช่วงเลา 10โมงและบ่ายสอง จะมีพิธีผลัดเปลี่ยนเวรยามให้ได้ชมกัน (Samunjang changing of the guard ceremony) ตอนนี้เพิ่งเก้าโมง ผมยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการเก็บภาพรวมๆของพระราชวัง
* บางไกด์บุ๊คบอกว่าถูกสร้างเมื่อปี 1394
ถัดจากพระราชวัง จะเห็น National Palace Museum of Korea ซึ่งพบว่าเข้าฟรีอีกเหมือนกัน ด้านในก็จะประกอบไปด้วยความเป็นมาของพระราชวังแบบลงลึก และข้าวของเครื่องใช้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ต้องขออภัยในส่วนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาจริงๆครับ
* การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีส้ม(Subway line 3) ลงสถานนี Gyeongbokgung (Government Complex-Seoul) ประตูทางออกหมายเลข 5
ที่ต่อมาคือ Bukchon Hanok Village ครับ ถ้าไม่ซีเรียส จากพระราชวังสามารถเดินไป Bukchon ได้โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20-30 นาที แน่นอนครับผมเลือกเดิน แต่ถ้าไม่ไหวสามารถขึ้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม (Subway Line 3) ลงสถานี Anguk ทางออกที่ 2
เสน่ห์ของ Buckchon ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคารบ้านเรือนทรงเก่า แต่ส่วนตัวผมคิดว่ามันอยู่ที่การผสมผสานระหว่างคำว่าเก่าและใหม่เข้าด้วยกันมากกว่า
อีกที่หนึ่งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนก็คือ DDP ครับ (Dongdaemun Design Plaza – designed by Zaha Hadid) สถานที่ที่เอาไว้จัดนิรรศการต่างๆนาๆ ด้วยรูปทรงที่สะดุดตา ก็เลยถ่ายรูปเพลินจนมืดค่ำ
*การเดินทาง รถไฟฟ้าสายสีฟ้าหรือสีเขียว สถาณี Dongdaemun History & Culture Park ทางออกที่ 1 หรือ 2
วันที่สาม สถานที่ที่จะไปคือจุดพีคของทรีปนี้ นั้นคือ Haneul Park ครับ ใช้เวลาทั้งหมด 30-40 นาทีโดยนั่งรถไฟฟ้าสาย 6 สีน้ำตาล ลงสถานี World Cup Stadium ทางออกหมายเลข 1
ทุกอย่างราบรื่นจนกระทั่ง ผมหาทางขึ้นไม่เจอ พยายามจนผอมก็ยังหาป้ายบอกทางไม่เจอ ลองนึกว่าข้างหน้าเราคือภูเขา มีทา
งให้เลือกซ้ายและขวา ผมเลือกเชื่อสัญชาตญานตัวเอง เดินตรงไปทางขวา ซึ่งแน่นอนครับ ผิด! เดินเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอทางขึ้น ผมเลยตัดสินใจถามอาจุมม่าที่กึ่งวิ่งกึ่งรำไทย ว่าHaneul Park ไปทางไหน อาจุ่มม่าชี้โบ้ชี้เบ้ใหญ่ สรุป(เอาเองว่า)ขึ้นได้ทั้งสองทาง แต่ทางที่ผมเดินมาแค่อ้อมเท่านั้นเอง หลังจากได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากอาจุมม่าท่านนั้นแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปยังมณฑลหูหนานต่อไป ผิดแล้วเฮ้ย!
ผมแอบหงุดหงิดตัวเองไม่น้อยที่ไม่ยอมดูข้อมูลเส้นทางให้ดีก่อน จนกระทั้งเจอวิวที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมหายเหนื่อยหยุดถ่ายรูปอยู่นานสองนาน ชื่นใจดีจริงๆ บางทีการหลงทางก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้นะ
ขอบคุณบุคคลที่มีส่วนในการตัดสินใจมาเกาหลีครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัตร T-Money (ที่ไปยืมเขามา) ช่วยดูตั๋วเครื่องบิน บลาๆๆ สุดท้ายคือขอบคุณตัวเองที่ออกจากกล่องใบเดิมแล้วพบว่าอีกโลกหนึ่งก็สวยงามไม่แพ้กัน แล้วเจอกันใหม่ครับทุกคน
สามารถดูรูป(ที่ไม่ค่อยมีสาระ)อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ IG : aopom.t